CUT SCENE | SCREAM MY NAME

“ก็เพราะคุณน่าสนใจ จนผมอยากรู้ชื่อคุณน่ะสิ” 

ราวกับขั้วแม่เหล็กที่ดึงดูดกันและกันเข้าหาจนไม่สามารถผละออกจากกันได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว  มือหนาถือโอกาสผละจากใบหน้าของอีกฝ่ายมา ก่อนที่จะถอดสูทสีดำของตัวเองออกอย่างใจร้อน มือเรียวของอีกคนตะป[ลงมาบนกลุ่มผมของเขาอย่างแรง  และมันเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้เพลิงราคะโหมกระหน่ำกว่าเดิม  บ๊อบบี้จงใจลากไล้มือหนาไปบนแผนหลังใต้เสื้อตัวยาวสีเทาของอีกคนอย่างเนิบนาบปรารถนาจะทำให้รู้สึก  ซึ่งมันก็ได้ผลดีเสียด้วยเมื่อจุนฮเวมองมาทางเขาด้วยสายตาตำหนิ

บ๊อบบี้ขบกรามแน่นเมื่ออีกฝ่ายจงใจเบียดสะโพกเข้ามาใกล้จนหัวเข็มขัดชนกัน  เอ่ยครางเสียงต่ำเมื่อจุนฮเวเอ่ยเสียงฮึในลำคอพร้อมรอยยิ้มมุมปากเชิงดูถูก  บทลงโทษสำหรับการกระทำเมื่อครู่ทำให้บ๊อบบี้กดจูบลงบนกลีบปากของอีกคนอย่างรุนแรงจนรู้สึกได้ถึงคาวเลือดที่ซึมออกมาและมันคงจะเจ่อบวมในเวลาไม่นาน  เล็บคมจากมือของคนซึ่งอยู่ใต้อาณัติกรีดลงบนแผ่นหลังแกร่งเสมือนต้องการจะตอกกลับ  แทนที่เขาจะกราดเกรียวแต่มันกลับทำให้บ๊อบบี้ฮึกเหิม

ปลดเข็มขัดของตัวเองอย่างรีบร้อนเมื่อราคะในตัวลุกโชน  มืออีกข้างบีบเค้นสะโพกของเด็กหนุ่มอย่างรุนแรงหมายจะทำให้เกิดรอยช้ำในวันรุ่งขึ้น  หากแต่อีกฝ่ายก็ยังพยศ  จุนฮเวขบเม้มริมฝีปากลงบนลำคอแกร่งจนเกิดรอยแดงยากแก่การปิดบัง  เด็กหนุ่มยิ้มออกมาเสมือนว่าพอใจ

“คุณถอนตัวจากเกมนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”

บ๊อบบี้พูดเสียงเข้มแล้วฝังหัวตัวเองลงบนซอกคอขาว ฝากร่องรอยของความปรารถนาเอาไว้เต็มไปหมด  ซึ่งจุนฮเวก็ไม่ได้ร้องห้ามอะไร ก่อนที่จะเลื่อนไปกดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนริมฝีปากที่เริ่มเจ่อบวม มือไม้ซนของอีกฝ่ายปัดป่ายอย่างจงใจให้โดนความปรารถนาที่ปรากฏออกมานูนแน่นใต้กางเกงส่งผลให้ร่างหนาครางเสียงต่ำในลำคอ

สองแขนของคนใต้อาณัติตวัดโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายดันร่างชิดประตูห้องอย่างแรง หากแต่ความเจ็บปวดของแผ่นหลังตนสู้กับสัมผัสชื้นที่ริมฝีปากของบ๊อบบี้ที่ปรนเปรอให้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ควรจะผละออกจากกันนานแล้ว แต่ก็ยังคงแลกเปลี่ยนสัมผัสและตัณหาราวกับโหยหากันมานาน

แม้แต่ตอนนี้เทวดาบนสวรรค์ก็ไม่สามารถห้ามเขาได้แล้ว

Rrrrrrrr  Rrrrrrrrr

บางสิ่งบางอย่างร้องเตือนในกระเป๋ากางเกงของจุนฮเว เมื่อบ๊อบบี้กำลังเอื้อมมือหนาหมายจะรูดซิปกางเกงของอีกฝ่ายลง จุนฮเวชะงักไปชั่วครู่ มือเรียวเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทันใดที่แสงจากหน้าจอสว่างวาบขึ้น ใบหน้าหยิ่งยโสนั่นก็ดูวิตกกังวลไปชั่วครู่

ท่าทางจะเป็นคนสำคัญ

นัยน์ตาคมของเด็กหนุ่มทอประกายความเครียดจนทำให้บ๊อบบี้ต้องเอื้อมไปกดมือที่กำโทรศัพท์นั่นลง กดจูบลงอีกรอบเพื่อเตือนอีกฝ่ายถึงสิ่งที่สมควรจะกระทำในตอนนี้ และไม่ช้านักจุนฮเวก็ดูเหมือนจะติดกับเขาเข้าอย่างจัง โทรศัพท์เครื่องสวยที่ไม่รู้ว่ามันตกลงบนพื้นเมื่อไหร่ แต่มันกลับเป็นชนวนระเบิดส่งผลทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้น

มือหนารูดซิปกางเกงของจุนฮเวลงอย่างรวดเร็ว ปรนเปรอความมัวเมาในกามารมณ์ผ่านริมฝีปากอย่างไม่รู้จักพอ ความปรารถนาที่ปรากฏนูนออกมาทำให้บ๊อบบี้ไม่รอช้าที่จะถอดกางเกงของตนออกแล้วค่อยๆ ด่ำดิ่งเข้าไปภายในร่างกายของจุนฮเว เติมเต็มอีกฝ่ายด้วยเพลิงราคะที่ยากแก่การมอดไหม้

ใบหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้าชะงักไปชั่วครู่

เอามันออกไป” จุนฮเวชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อถูกกระทำราวกับเป็นผู้ถูกกระทำ เขาไม่ชอบนักกับการที่ต้องมาเป็นฝ่ายรับในทางปฏิบัติให้กับคนที่ไม่รู้จักเช่นนี้ แต่เมื่อมองไปที่นัยน์ตาของอีกคนก็รู้สึกราวกับ…พ่ายแพ้

บ๊อบบี้เลียริมฝีปากของตนไปมาพลางยิ้มร่า เบี่ยงศีรษะไปที่ใบหูขาวของอีกคนแล้วจงใจพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่าบ่งบอกความต้องการของตนออกมา

“ต่อให้คุณกรีดปากร้องไปถึงสวรรค์ ผมก็คงทำให้ไม่ได้” เอ่ยจบก็เบียดความปรารถนาที่พลุ่งพล่านไปมาจนจุนฮเวชักสีหน้าเหยเก  บ๊อบบี้พรมจูบไปทั่วซอกคออย่างหลงใหล  ตอนนี้เขาเหมือนคนบ้าที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้  ทุกอย่างเป็นไปตามกามราคะที่ลุกโชนภายในร่างกาย  ยามสะโพกผละออกจากกันบ๊อบบี้ก็รีบตะปบบั้นท้ายของอีกฝ่ายเข้ามาประกบสานต่อราวกับไม่ต้องการผละจากกันแม้แต่วินาทีเดียว  ช่วงจังหวะเนิบนาบค่อยๆ ทวีคูณความรุนแรงเหมือนกับพายุที่พร้อมจะทำลายทุกสรรพสิ่ง  ท่วมท้นไปด้วยความรู้สึก  ริมฝีปากของชายหนุ่มทาบทับลงบนกลีบปากของจุนฮเวอีกคราราวกับปากของอีกฝ่ายคืออากาศ และเขากำลังจะหายใจไม่ออก

เสียงของปาร์ตี้ด้านล่างโรงแรมถูกทำลายด้วยเสียงลมหายใจที่สอดประสานของเขาและจุนฮเว ในช่วงขณะที่เราขยับเข้าออกอย่างช้าๆ ควบคุมเกมให้เป็นไปดังใจต้องการ  กลืนกินอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จักพอ  มือหนาสัมผัสทาบระบายความร้อนไปทั่วบริเวณ  ลมหายใจถี่รัวขึ้นเมื่อได้จังหวะสม่ำเสมอ  ความปรารถนาที่พวยพุ่งทะยานสูงขึ้นและสูงขึ้น บ๊อบบี้ขบเม้มใบหูขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปาก สันกราม และจ้องมองใบหน้าหยิ่งยโสที่กำลังชื้นเหงื่อด้วยแววตาหื่นกระหาย

มือเรียวกอบกุมเส้นผมสีดำสนิทของบ๊อบบี้ทึ้งความแรงตามเปลวเพลิงที่ลุกโชนจนมันแทบจะหลุดออกมา หากแต่บ๊อบบี้ไม่คิดว่าจะมีอะไรดีไปมากกว่านี้ เสียงครางหอบกระเส่าพร้อมกับลมหายใจที่แลกเปลี่ยนกันจนแยกไม่ออกว่าไอร้อนตรงหน้าเป็นของใครกันแน่  มือเรียวเกาะเกี่ยวร่างหนาตรงหน้าเอาไว้ราวกับเป็นเถาวัลย์ ขณะที่ต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อกันอย่างไม่รู้จบ

ช่วงจังหวะที่กำลังเข้าสู่ความมืดมนอนธการ ใกล้จะมองเห็นแสงสว่าง บ๊อบบี้ขบกรามแน่นเมื่อใกล้ถึงความสิ้นสุดของแรงปรารถนาเช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่หอบหายใจหนักจนละเลียดเป็นควันสีขาว ไม่นานนักเปลวเพลิงที่โหมกระหนำก็สิ้นสุดลงก่อนที่น้ำสีขาวจะเปรอะเปื้อนเสื้อสีเทาสนิทของอีกคน จุนฮเวร้องครางตามมาก่อนที่ชะงักไป ศีรษะของอีกฝ่ายจะพิงลงบนไหล่ของเขาราวกับคนหมดแรง

หากแต่มันคงไม่สิ้นสุดแค่นั้น เพราะเปลวเพลิงกองใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

“ไปต่อกันที่เตียงเถอะ…”

กลับไปอ่านต่อได้ที่ http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1361949&chapter=17

อ่านแล้วรู้สึกยังไงอย่าลืมมาซุยกันได้ที่คอมเม้นและแท็ก #ฟิคแก้บนบจ ได้เลยนะคะ xD

CUT NC – LOVE IS WITHOUT REASON

ฮันบินมองดวงตาคู่คมที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทุกๆ ข้อกังขาตอนนี้ได้รับการคลี่คลายปัญหาไปหมดแล้ว แล้วในจังหวะที่จุนฮเวละจากเส้นผมมาสบตากับเขา ก็เหมือนกับว่าโลกทั้งใบไม่มีแรงโน้มถ่วง ชั่วขณะนั้นไม่มีอะไรที่ต้องมานั่งกังวลใจอีกแล้ว ริมฝีปากหนาของคนตัวสูงทาบลงมาซับรอยน้ำตาที่เปลือกตาก่อนที่ไล่ลงมาทาบกับเรียวปากบางของอีกคน ฮันบินรับความรู้สึกนั้นด้วยความเต็มใจ รสชาติของจูบมันทั้งขมปร่าและหวานไปพร้อมกันๆ ราวกับตอกย้ำถึงเรื่องผิดพลาดที่ผ่านมาและยินดีปรีดาในเรื่องที่กำลังจะมาถึง

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่มือของจุนฮเวที่เอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังของร่างบางอย่างไม่ได้ขออนุญาต แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงปฏิเสธ สมองของฮันบินขาวโพลนเหมือนหิมะแรกเช้า กลิ่นกายที่ปะปนโคโลญจน์อ่อนๆ ของจุนฮเวมีเสน่ห์ปั่นป่วนความรู้สึกของเขาและและริมฝีปากอันอ่อนโยนนี้ทำให้ร่างกายคลุ้มคลั่งและร้อนรนจนแทบจะละลาย

เหมือนความคิดของฮันบินจะหยุดลงเมื่อร่างตรงหน้าผลักเขาราบกับเตียงก่อนที่ก่อนจะก้มลงไซร้ซอกคออย่างเก้ๆ กังๆ ร่างสูงค่อยๆ ฝังหัวของตัวเองลงตรงลำคอก่อนจะฝังรอยสีกุหลาบเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เขาหายใจแทบไม่ออกเมื่อนัยน์ตาคมกริบของจุนฮเวละมาสบตานิ่งๆ เสมือนกับหมอนี่กำลังร่ายเวทมนตร์ไม่ให้เขาละสายตาไปไหน ฮันบินจะดูใจง่ายไปไหมถ้าหากจะบอกว่าเขาเองก็ไม่อยากจะละสายไปจากจุนฮเวเช่นกัน

“พี่อยากจะหยุดมันรึเปล่า” ร่างสูงกระซิบเสียงแหบพร่า ฮันบินได้แต่ก้มหน้าต่ำเพื่อบดบังใบหน้าที่ออกสีจัด

“…”  มือหนาค่อยๆ ถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกอย่างเชื่องช้า เมื่อเกราะป้องกันร่างกายท่อนบนหลุดออกไปจึงเผยให้เห็นร่างกายที่มีกล้ามเนื้อสวยงามไม่ได้ล่ำเหมือนนักกีฬาแต่ก็แสดงให้เห็นได้ว่ามันอบอุ่นและสามารถปกป้องเขาได้ ฮันบินกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเมื่อนัยน์ตาอ่อนโยนประสานสายตากับเขาอย่างไม่ละห่างเลยแม้แต่ในวินาทีเดียว ภายในลำคอแห้งผาดราวกับขาดน้ำมาเป็นปี มือหนาที่ร้อนเหมือนกับแท่งไฟลากไล้ไปตามร่างกาย ขณะที่ใบหน้าคมราวกับถูกปั้นด้วยประติมากรชั้นหนึ่งก้มลงมากระซิบเบาบางที่ข้างหู “ผมชอบพี่” ราวกับกลัวว่าจะสูญเวลาเปล่าจุนฮเวกดจูบลงมาอย่างแนบแน่นก่อนที่จะล้วงล้ำเข้าไปหาความหวานในโพรงปาก พลางหยอกเย้ากับลิ้นของอีกคนอย่างอ่อนโยนและเนิบนาบ

แม้จะพยายามห้ามตัวเองแล้วแต่จุนฮเวกลับทำไม่สำเร็จ เขาอยากจะถนอมฮันบินไว้ให้มากที่สุดแต่ก็หยุดตัวเองที่กำลังเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของอีกคนไม่ได้ มันยากที่จะห้ามใจ ในทุกๆครั้ง ที่ร่างกายมาสัมผัสกัน แล้วเมื่อหันมาสบตากับร่างบางตรงหน้าก็รู้สึกว่าเหมือนร่างกายทุกประสาทส่วนถูกตรึงให้หยุดการทำงานแล้วริมฝีปากของทั้งคู่ก็ถูกดึงดูดเข้าหากันเหมือนขั้วแม่เหล็ก ดวงตาของฮันบินปรือลงเมื่อลิ้นของทั้งคู่พันไปมา

ฮันบินสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มสีดำของจุนฮเวราวกับต้องการที่พึ่งพิง พลางประท้วงอีกฝ่ายเมื่อรู้สึกกำลังจะขาดอากาศหายใจ ร่างสูงเลยละมาฝังจมูกไว้ที่ซอกคอขาว กลิ่นแชมพูของอีกฝ่ายทำเอาจุนฮเวหัวใจเต้นระรัวเหมือนโดนสะกดไว้ด้วยเวทมนตร์ร้ายกาจที่ทำให้ไม่สามารถผละออกจากร่างตรงหน้าแม้สักวินาทีเดียว…บางทีฮันบินก็ทำให้จุนฮเวเหมือนเป็นคนโรคจิตโดยสมบูรณ์เพราะตอนนี้เขาชักอยากได้ฮันบินมาไว้เป็นของตัวเองแต่เพียงคนเดียว

“อื้อ จุนฮเวอ่า…” ครางออกมาเบาๆ เมื่อมืออุ่นของร่างสูงลูบไล้ไปทั่วร่างกาย อุณหภูมิของร่างกายสูงจัดจนปรอทไม่สามารถวัดได้

“ถ้าพี่ไม่ห้ามผมตอนนี้ ต่อให้พี่ร้องไห้ผมก็จะไม่หยุดแล้วนะ…” เสียงแหบพร่าแต่มีเสน่ห์ดังเย้าหยอกอยู่ที่ใบหู ฮันบินอยากจะตอบแต่กลับไร้น้ำเสียงใดๆ เปล่งออกมา จุนฮเวมองใบหน้าหวานที่เบือนหน้าหนีเขา ก่อนที่จะใช้มือดันหน้านั่นให้หันมาสบตาเขาอย่างแผ่วเบา

“เรียกชื่อผมสิ”

“จุนฮเว..” เจ้าของชื่อปลดกระดุมกางเกงขายาวของฮันบินออกแล้วโยนมันทิ้งไปไว้ที่ปลายเท้า ก่อนที่จะสัมผัสส่วนล่างของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวูบโหวงในช่องท้องจนต้องกัดริมฝีปากไว้

“อะ..อื้อ จะ…จุนฮเว”

ทันทีที่มือหนาสัมผัสอีก ฮันบินก็ร้องครางราวกับจะประท้วง แต่ไร้การตอบรับจากร่างสูง จุนฮเวยังคงสัมผัสมันขึ้นลงอย่างแผ่วเบา ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่านจนคนที่มองถึงกับอดใจไม่ได้ต้องก้มลงมาประกบจูบอีกรอบ จากท่วงทำนองที่ผ่อนคลายราวกับเพลงวอลซ์เริ่มรวดเร็วขึ้นเหมือนกับดนตรีฮาร์ดร็อค ส่งผลให้อีกคนถึงกับครางไม่เป็นภาษา

“จะ..จุนฮเว” แล้วเมื่อวงดนตรีบรรเพลงจบร่างของฮันบินก็สั่นกระตุกพร้อมกับพ่นน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มมือร่างสูง เสมือนอยู่ในสรวงสรรค์สมองของเขามันขาวโพลนราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง จนได้สติก็เมื่อตอนที่ลมหายใจหอบถี่เป่ารดอยู่ที่หู

“ถอดกางเกงให้ผมหน่อย” ร่างสูงเอ่ยขึ้น ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อจนไม่กล้าที่จะมองใบหน้าอีกฝ่าย เขาเอามือปลดกระดุมกางเกงร่างสูงอย่างเก้ๆ กังๆ และสะเปะสะปะ จนเมื่อเกราะกำบังส่วนล่างหลุดออกทั้งหมด ร่างสูงเบียดส่วนกลางของร่างกายเข้าไปในช่องทางสีหวานอย่างเชื่องช้าเพราะกลัวอีกคนจะเจ็บ

มือของฮันบินจิกลงบนเนื้อของจุนฮเวอย่างไม่ได้ตั้งใจ พลางตอบรับสัมผัสจากริมฝีปากอีกคนเพื่อที่จะได้ลืมความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

“อื้อ…พี่เจ็บ…ไม่เอาแล้ว” ใช้มือที่แทบจะหมดแรงทุบไปที่หลังกว้างแต่ก็ไร้ผล

ตอนนี้เราทั้งคู่มาไกลเกินกว่าที่จะให้ทุกอย่างจบลง…

“ผมชอบพี่” กระแสเสียงทุ้มและแหบพร่าที่เจือไปด้วยความอ่อนโยนทำเอาร่างบางเคลิ้มตามและเปลี่ยนจากการทุบเป็นการกอดอีกฝ่ายไว้อย่างแนบแน่นแทน ทั้งๆ ที่ร่างกายต่างทักท้วงว่ากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สัมผัสที่ร่างสูงมอบให้มานั้นปลุกปั่นให้เขาแทบบ้าคลั่ง ตัวของจุนฮเวร้อนเหมือนไฟที่พร้อมจะแผดเผาเขาให้มอดไหม้ไปต่อหน้าต่อหน้า

“อื้ออ จุนฮเวอ่า…” น้ำเสียงแหบพร่าที่ครางออกมาไม่หยุดพร้อมกับลมหายใจถี่หนักหน่วงขึ้นเมื่อจุนฮเวเริ่มขยับสะโพกเข้าหากัน มือของร่างสูงลูบไล้ไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ริมฝีปากที่พร้อมที่จะเคลื่อนเข้ากันเมื่อสายตามาประสาน

จุนฮเวเหมือนคนขาดอ็อกซิเจน เขาต้องการมันจากปากของอีกคนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ร่างสูงบดเบียดสัมผัสให้แนบชิดมากกว่าเดิม กระแทกความแข็งแกร่งให้มากกว่าเดิมในทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดและเริ่มหายใจหอบถี่เมื่ออีกฝ่ายเริ่มตอบรับจังหวะ ความรุนแรงมันเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เข้าไปเชยชมช่องทางสีหวานจนอีกฝ่ายกัดริมฝีปากจนห้อเลือด เบียดชิดร่างกายจนแทบไม่มีช่องว่าง รู้สึกได้ถึงแรงบีบรัดและความแน่นคับด้านหลัง ต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อกันราวกับจะลืม

“จุนฮเว อ๊ะ..”

ริมฝีปากคู่เดิมทาบทับมาหากันอีกรอบ สองมือเรียวจิกหลังจนแทบจะฝังคมเล็บไว้ที่แผ่นหลังแกร่งเมื่อใกล้ถึงปลายทาง แล้วเพียงไม่นานร่างกายของทั้งคู่จะกระตุกถี่เมื่อถึงจุดสิ้นสุดของห้วงอารมณ์ จนรู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นร้อนที่ถูกปลดปล่อยออกมา

“พรุ่งนี้พี่จะไปทำงานไหวรึเปล่า…” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นที่ข้างหู ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมาประสานกันอีกครั้งนึง